วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ข้อปฏิบัติและดูแลรักษา เมื่อพบเชื้อ HPV




แนวทางการปฏิบัติและการดูแลรักษาเมื่อตรวจพบเชื้อ HPV ที่ปากมดลูก

ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง(เพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน) เช่น รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะให้ครบ 5 หมู่  นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  ทำจิตใจให้แจ่มใส หลีกเลี่ยงความวิตกกังวล  ฯลฯ

ถ้ายังไม่ต้องการมีลูกหรือมีเพียงพอแล้ว  แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดการติดเชื้อ HPV เพิ่มเติม  และเพิ่มโอกาสการหายจากการติดเชื้อ HPV ที่มีอยู่แล้ว (มีรายงานการศึกษาแบบเปรียบเทียบยืนยันว่าวิธีดังกล่าวช่วยให้เชื้อ HPV หายไปมากขึ้น)

ลดความเสี่ยงที่จะทำให้การติดเชื้อ HPV รุนแรงขึ้น เช่น การสูบบุหรี่ (ทั้งการสูบเองและการสูบมือสอง)  การรับประทานยาคุมนานกว่า 5 ปี ภาวะภูมิต้านทานต่ำ ฯลฯ   เป็นต้น

ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกมีน้อยมาก (0.08 %) ถ้ามารับการตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ และถ้ามีความผิดปกติเกิดขึ้นในระยะก่อนเป็นมะเร็งจะสามารถตรวจพบและให้การรักษาได้ก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง (มะเร็งปากมมดลูกเป็นมะเร็งที่ต่างจากมะเร็งชนิดอื่น ๆ คือ มีระยะก่อนมะเร็งนำมา 5-15 ปี  ก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง)  ดังนั้นควรมารับการตรวจ Pap smear ทุก 6 เดือน และตรวจหาเชื้อ HPV ทุก 12 เดือน  เพื่อดูว่ามีความผิดปกติของเซลล์เกิดขึ้นหรือไม่ และเชื้อ HPV หายไปหรือคงมีอยู่

คำแนะนำที่ควรทราบของผู้ติดเชื้อ HPV
การติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่มากกว่า 95 % หายไปได้เอง
สตรีที่ติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่ไม่เป็นมะเร็งปากมดลูก
สตรีที่ติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่จะตรวจไม่พบความผิดปกติที่ปากมดลูกเมื่อทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น  การตรวจด้วยกล้องขยายทางช่องคลอด

การตรวจหาเชื้อ HPV ในผู้ชาย ไม่มีความจำเป็นการดูแลรักษา เพราะตรวจพบเชื้อ HPV เพียง 60 % เท่านั้น และมักตรวจไม่พบรอยโรคที่ต้องให้การรักษา ประเด็นสำคัญที่ควรทราบ คือ การตรวจพบเชื้อ HPV ในผู้หญิงไม่ได้แสดงว่าผู้ชายมีคู่นอนหลายคน หรือสามีนอกใจเพราะเชื้อ HPV ทนความแห้งแล้งได้ดี อาจเกาะอยู่ตามผิวหนังได้( มีการศึกษายืนยันว่าผู้หญิงและผู้ชายที่มีคู่นอนคนเดียวก็ติดเชื้อ HPV ได้ ถึงแม้จะติดเชื้อง่าย แต่ส่วนใหญ่ไม่ก่อนโรค)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น